หากใครที่กำลังมองหารถยนต์เป็นเจ้าของอยู่ เชื่อว่าหลายคน ก็คงจะดูที่ความสวยงามของตัวรถเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นงานออกแบบที่ดูล้ำสมัย หรือเรียบหรูตามสไตล์ของผู้ขับขี่ แต่ก็ยังมีสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่ง ที่ลูกค้าต่างก็เริ่มให้ความสนใจต่อตัวรถไม่น้อยกว่าดีไซน์ของรถ นั่นก็คือ ระบบ Safety รถยนต์
เพราะว่าคงไม่มีใครอยากจะให้ความเสียหายเกิดขึ้นกับตัวเอง, ผู้ที่โดยสารมาด้วยกัน หรือตัวรถอย่างแน่นอน อีกสิ่งหนึ่งก็คือภายในห้องโดยสาร ที่เป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารต้องอยู่กันตลอดการเดินทาง ซึ่งในปัจจุบัน ก็มีการออกแบบภายใน ที่มีตั้งแบบสปอร์ตโฉบเฉี่ยว จนไปถึงหรูหราประดุจนั่งอยู่บนโซฟาที่บ้านกันเลยทีเดียว
แต่เมื่อต้องเจอเหตุการณ์หลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ระบบ Safety ที่ติดตั้งไว้ในตัวรถเองก็มีบทบาทในการป้องกันหรือลดความรุนแรงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้น วันนี้เราจะมาดูกันว่า รถในปัจจุบันเขาได้ติดตั้งอุปกรณ์อะไรในการป้องกัน หรือลดความเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุกันบ้าง
ระบบ Safety รถยนต์ ยุคใหม่ที่ต้องมีติดตั้งไว้ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถ
ถุงลมนิรภัย (Air Bag)
ปัจจุบันกลายเป็นอุปกรณ์ขั้นพื้นฐานที่ทุกคันจะต้องติดตั้งตามมาตรากฎหมายในหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งถุงลมนิรภัยจะช่วยในการลดแรงปะทะระหว่างผู้ขับขี่และบริเวณโดยรอบห้องโดยสารเมื่อเกิดการชน ลดความเสี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บรุนแรงจากแรงกระแทกเมื่อรถยนต์ประสบอุบัติเหตุ
โดยปกติแล้ว ถุงลมนิรภัยจะถูกติดตั้งบริเวณแผงแดชบอร์ดของผู้โดยสารตอนหน้า และบริเวณพวงมาลัยสำหรับผู้ขับขี่ แต่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดแรงปะทะที่เกิดขึ้นกับผู้โดยสาร รถยนต์บางรุ่น โดยเฉพาะรุ่นใหม่ ๆ จะมีการติดตั้งถุงลมนิรภัยเพิ่มเติมบริเวณเบาะด้านข้าง, ม่านด้านข้าง รวมถึงใต้พวงมาลัยเพื่อลดแรงปะทะบริเวณเข่าของผู้ขับขี่
Blind Spot Assist หรือ ระบบเตือนจุดอับสายตา
ระบบนี้ถูกติดตั้งมาเพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนช่องทางเดินรถได้อย่างแม่นยำ เพราะในบางครั้งการมองจากกระจกมองข้างอย่างเดียวไม่สามารถทำให้ผู้ขับขี่เห็นรถที่จะตามมาด้านหลังของช่องทางเดินรถที่ต้องการเปลี่ยนได้
ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนจากด้านข้างและชนท้ายได้ โดยระบบนี้มีเซนเซอร์หรือเรดาร์ตรวจจับวัตถุบริเวณจุดอับสายตา หากมีวัตถุเข้ามาบริเวณดังกล่าว จะมีสัญลักษณ์แจ้งเตือนที่กระจกมองข้าง หรือมีเสียงสัญญาณดังให้ผู้ขับขี่ได้รับรู้ ถือเป็นมิติใหม่ของ ระบบ Safety รถยนต์ ที่ในอนาคตรถทุกคันควรจะมี
เซนเซอร์กะระยะ (Parking Sensor) และ กล้องมองหลัง
สำหรับคนเมืองหรือผู้ที่ต้องจอดรถในบริเวณที่มีพื้นที่จำกัด อุปกรณ์สองสิ่งนี้จำเป็นอย่างมากเพื่อป้องกันไม่ให้รถไปชนกับสิ่งกีดขวางด้านหลังซึ่งผู้ขับขี่อาจมองไม่เห็น ซึ่งในปัจจุบันเองมีการติดตั้งกล้องไม่ใช่แค่ด้านหลัง แต่ติดไว้รอบคันเพื่อเพิ่มมุมมองในการจอดมายิ่งขึ้นรวมถึงการติดเซนเซอร์กะระยะที่หน้ารถด้วย
กล้อง 360 องศา พร้อมแสดงผลแบบ 3 มิติ (3D Camera)
ในรถหลายๆรุ่นของทาง Prime Cars Rental ได้เลือกรุ่นท๊อปสุด ที่จะมีอุปกรณ์ล้ำๆแบบนี้ เข้ามา เช่น Mercedes-Benz S560e AMG, BMW 330e M Sport, BMW 530e M Sport ที่มีกล้องมองหลังแบบ 3D ที่แสดงทุกจุดอับที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในการขยับทุกมุมของรถ
-
ABS, EBD, BA, TRC, VSC
การชะลอความเร็วรถ (เบรก) หากทำอย่างไม่ถูกต้อง หรือตอบสนองเร็วหรือช้าเกินไป สามารถนำไปสู่อุบัติเหตุได้ทั้งรถหมุนฟรีหรือชนกับสิ่งกีดขวางด้านหน้า ระบบเบรกในปัจจุบัน บริษัทผลิตรถยนต์ได้ทำการติดตั้งไว้เป็นอุปกรณ์พื้นฐานเช่นเดียวกับถุงลมนิรภัย โดยระบบช่วยเบรกจะประกอบไปด้วย
-
ABS (Anti-Lock Brake System) หรือ ระบบป้องกันเบรกลอก
ระบบ ABS นี้จะทำงานก็ต่อเมื่อมีการเหยียบเบรกที่มากกว่าปกติเท่านั้น ไม่ได้ทำงานตลอดเวลาที่เหยียบเบรก เมื่อมีการเหยียบเบรกที่มากกว่าปกติ ระบบจะคลายการจับของผ้าเบรก สลับกับการจับผ้าเบรกซ้ำเป็นจังหวะถี่ๆ ซึ่งทำให้รถไม่หยุดนิ่งทันที ซึ่งช่วยให้ไม่เกิดอาการล้อล็อกซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ขับไม่สามารถควบคุมทิศทางและความเร็วของรถได้เมื่อมีการเหยียบเบรกอย่างรุนแรง
-
EBD (Electronic Brake force Distribution) หรือ ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรก
เป็นระบบที่ช่วยปรับความสมดุลของแรงเบรกที่ล้อหน้าและล้อหลังให้เท่ากันเบรก โดยไม่ก่อให้เกิดอาการเบรกล็อกที่ล้อหลังจนเกิดอาการท้ายปัด โดยระบบนี้จะทำงานร่วมกันกับระบบ ABS
-
BA (Brake Assist) หรือระบบเสริมแรงเบรก
เป็นการควบคุมแรงดันน้ำมันเบรกให้สูงขึ้น ในกรณีที่เหยียบเบรกกะทันหัน เพิ่มการส่งแรงเบรกที่ล้อได้มากยิ่งขึ้น และช่วยให้ระยะการหยุดรถสั้นลง โดยระบบนี้จะทำงานควบคู่กับ ABS เช่นกัน
-
TRC (Traction Control System) หรือระบบป้องกันล้อหมุนฟรี
คือระบบที่จะช่วยป้องกันการหมุนฟรีของล้อ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ง่ายขึ้นไม่ว่าจะเป็นการออกตัว เข้าโค้ง หรือต้องวิ่งบนถนนเปียก เพราะหากล้อใดหมุนได้เร็วกว่ามากๆ จะทำให้รถเสียสมดุลได้
ซึ่งการที่ความเร็วของทุกล้อสัมพันธ์กันจะลดอาการรถปัดหรือส่ายขณะออกตัวหรือขณะเสียการทรงตัวรถจะสามารถประคองตัวกลับมาควบคุมได้ง่ายขึ้น การทำงานจะเกิดขึ้นเมื่อระบบเซ็นเซอร์จับได้ว่าล้อใดล้อหนึ่งกำลังฟรีจากการลื่นระบบจะตัดกำลังเครื่องหรือเบรกล้อข้างนั้นทันที
-
VSC (Vehicle Stability Control) หรือระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว
เป็นระบบที่จะทำงานเมื่อเซ็นเซอร์จับสัญญาณได้ว่าตัวรถมีอาการลื่นไถล (ล้อใดล้อหนึ่งมีอัตราการหมุนเร็วกว่าล้ออื่นๆ) นั่นแสดงให้รู้ว่าล้อข้างนั้นเริ่มสูญเสียการเกาะถนน ระบบการทรงตัว VSC จะสั่งให้แรงดันน้ำมันเบรกที่เหมาะสมไปยังล้อข้างนั้นเพื่อลดความเร็วในการหมุนของล้อนั้นโดยระบบการควบคุม VSC นี้ จะทำงานร่วมกับระบบป้องกันการลื่นไถล TRC
จากที่กล่าวมาจะเห็นว่าปัจจุบันนั้นมี ระบบความปลอดภัย ติดตั้งมาในตัวรถมากมายซึ่งช่วยลดอุบัติเหตุ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวคนหรือตัวรถได้ อย่างไรก็ตาม ระบบก็ยังมีข้อจำกัด ซึ่งทำให้บางครั้งไม่สามารถช่วยเหลือได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นผู้ขับขี่ควรระมัดระวังในการขับรถทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง และผู้อื่นรวมถึงรถยนต์คันโปรดของท่าน
สรุป ระบบ Safety รถยนต์ ในปัจจุบันเยี่ยมมาก แต่อนาคตยังต้องไปต่อ
แน่นอนว่านวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อความปลอดภัยของการขับขี่ยานยนต์ดังที่กล่าวมานี้ ได้ถูกนำมาใช้กับรถยนต์บางรุ่นแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์หรูหลาย ๆ แบรนด์ที่มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ มาใส่ในรถยนต์ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งคุณเอง สามารถลองสอบถามเพิ่มเติมได้กับแอดมินที่ดูแลตลอด 24 ชม. ทุกวันได้
และหากคุณ ต้องการมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ กับ ระบบ Safety รถยนต์สุดทันสมัย สามารถมาทดลอง เช่ารถซุปเปอร์คาร์ ได้ที่ Prime Cars Rental โทรเลย 081-954-2451 หรือ LINE @primecarsrental