หากกล่าวถึงรุ่นรถเบนซ์ที่ขายดีที่สุดของตระกูล Mercedes-Benz แล้ว หลายคนต้องนึกถึง Benz C-Class อย่างแน่นอน ด้วยความเป็นรถเบนซ์ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัดจนได้รับฉายาว่าเป็น “เบบี้เบนซ์” ที่ถึงจะเล็กแต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความหรูหรา และฟังก์ชั่นการใช้งานแสนสะดวกสบายเต็มรูปแบบ
แถม Benz C-Class ยังพ่วงมาด้วยการสร้างยอดขายดีต่อเนื่องมาตลอด 28 ปี ให้กับ Mercedes-Benz ซึ่งน้อยคนนักที่จะรู้ว่า กว่าที่เบเบี้เบนซ์จะกลายมาเป็น Benz C-Class รถยุโรปตัวท็อปเหมือนในปัจจุบันได้นั้น จะมีประวัติความเป็นมาอย่างไรบ้าง
ในบทความนี้จึงจะพาคุณไปย้อนรอยดูประวัติของ Benz C-Class และพัฒนาการของรถเบนซ์รุ่นนี้ ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร
จาก “เบบี้เบนซ์” สู่ Benz C-Class
“เบบี้เบนซ์” เป็นชื่อเล่นของรถเบนซ์ รุ่น 190 รหัส W201 อันโด่งดังที่ถือว่าเป็นรุ่นแจ้งเกิดของ Mercedes-Benz ในปี 1982 ด้วยการเป็นรถคันแรกที่เปิดตัวให้สำหรับกลุ่มคนชนชั้นกลางหรือ Middle Class สามารถจับจองเป็นเจ้าของในราคาที่เอื้อมถึง จากก่อนหน้านั้นที่รถเบนซ์ส่วนมากจะเป็นรถหรูระดับพรีเมี่ยมสำหรับคนชนชั้นสูง
โดย Mercedes-Benz มีแนวคิดที่จะผลิตรถยนต์ในขนาดที่เล็กและกะทัดรัด เพื่อให้เข้าถึงคนทั่วไปได้มากขึ้น และเพื่อสู้กับ BMW e30 Series 3 และ Audi 80 ซึ่งเป็นรถหรูขนาดเล็กที่ได้รับความนิยมจากคนชนชั้นกลางมากที่สุดในช่วงเวลานั้น
เบบี้เบนซ์ ได้รับความนิยมอย่างมาก จนมียอดขายทะลุ 1.9 ล้านคันทั่วโลก ภายในระยะเวลา 10 ปี และเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งใน “รถหรูขนาดเล็กที่ดีที่สุด” ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล ถึกทน ที่สามารถทำระยะทางได้มากกว่า 1 ล้านกิโลเมตรอีกด้วย
ต่อมา Mercedes-Benz ได้เปิดตัวเบบี้เบนซ์รุ่น 2 หรือ W202 ออกมาในปี 1993 ซึ่งรุ่นนี้เองก็ประสบความสำเร็จไม่แพ้รุ่นแรก และยังได้ถูกขนานนามว่า “C-Class” นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของรถเบนซ์ซีรีส์ยอดนิยมตลาดกาล “รถ Benz C-Class”
พัฒนาการของรถ Benz C-Class
พัฒนาการจากรุ่นสู่รุ่นของรถเบนซ์ C-Class มีประวัติยาวนานกว่า 28 ปี ตั้งแต่รุ่นแรกมาจนถึงรุ่นปัจจุบัน ไปดูกันว่า Mercedes-Benz นั้น ได้ผลิตรถเบนซ์ C-Class ออกมากี่รุ่น และมีความสามารถต่างกันอย่างไรบ้าง
รุ่น W202 ปี 1993-1999
รถเบนซ์รุ่น W202 ได้เข้ามาแทนที่รุ่น 190 W201 และถูกเรียกว่าเป็น Benz C-Class อย่างเป็นทางการในปี 1993 ด้วยการเป็นรถคอมแพ็คซีดาน 4 ประตู และซาลูน 5 ที่ได้รับการพัฒนามาใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 วาล์วต่อสูบเป็นรุ่นแรกของโลก ที่มีชื่อว่า M111 และมีระบบเกียร์ 4 สปีด, 5 สปีดอัตโนมัติ และ 5 สปีดธรรมดา
ภาพจาก pinimg
นอกจากนั้น ยังมีการปรับตัวรถให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ห้องโดยสารดูกว้างขวาง มีความสะดวกสบายมากขึ้น และมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยเข้ามาเพิ่มเติม เช่น ระบบป้องกันล้อล็อค, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี, ระบบเบรก ABS, การป้องกันการปะทะจากด้านข้าง, ถุงลมนิรภัยทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
อีกทั้งยังมีอุปกรณ์ตกแต่งและดีไซน์ของรถให้เลือกมากถึง 4 แบบ ได้แก่ Avantgarde, Classic, Elegance และ Espirit เพื่อตอบสนองความต้องการและรสนิยมที่แตกต่างกันของผู้ใช้งานได้มากที่สุด และเป็นรถเบนซ์รุ่นบุกเบิกให้กับทางเลือกรถยนต์ Mercedes-Benz ในโมเดลอื่น ๆ อีกด้วย
รุ่น W203 ปี 2000-2006
รถเบนซ์รุ่น W203 หรือที่ในประเทศไทยของเราเรียกว่า ‘เบนซ์ตาถั่ว’ นับเป็นรุ่นที่ 2 ของตระกูลรถเบนซ์ C-Class โดย Mercedes-Benz เริ่มออกแบบ W203 C-Class ในกลางปี 1994 และได้รับอนุมัติในเดือนธันวาคมปี 1995 โดยเปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 มีนาคม ปี 2000 และเริ่มวางจำหน่ายครั้งแรกในเดือนกันยายน ปี 2002
ภาพจาก newslibre
โดยจุดเด่นของรถเบนซ์ C-Class รุ่น W203 เปิดตัวด้วยเครื่องยนต์เบนซิน Inline 4 และ V6 ระบบเกียร์ 5 สปีดธรรมดา, 6 สปีดและ 7 สปีดอัตโนมัติ และยังมีการปรับโฉมให้เป็นรถสปอร์ตหรูมากขึ้น ด้วยการออกแบบไฟหน้าแบบใหม่ ที่เรียกว่า Four-Eye เป็นการออกแบบไฟหน้าที่เชื่อมต่อกัน คล้าย ๆ กับเม็ดถั่วลิสง จึงทำให้คนตั้งฉายาให้ว่า ‘เบนซ์ตาถั่ว’ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของรถเบนซ์ C-Class W203 เลยก็ว่าได้
นอกจากความเหนือชั้นด้านความนุ่มนวลในการขับขี่ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยที่ผู้คนต่างให้ความไว้วางใจแล้ว รถเบนซ์ C-Class รุ่น W203 นี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากด้วยยอดขายทะลุ 2 ล้านคัน ภายในระยะเพียงเวลา 6 ปี (ปี 2000-2006)
รุ่น W204 ปี 2007-2013
รถเบนซ์ C-Class รุ่น W204 มาพร้อมกับฐานล้อที่กว้างขึ้น ทำให้มีพื้นที่ภายในและพื้นที่โดยสารที่กว้างขวาง และสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งจุดเด่นของเบนซ์ C-Class ทุกรุ่น คือ ความกะทัดรัดที่มาพร้อมกับความพรีเมี่ยมและความสะดวกสบาย
ภาพจาก wikipedia
รถเบนซ์ W204 มีตัวถังมีให้เลือก คือ 2 ประตู, 4 ประตู และ 5 ประตู และระบบเกียร์ 5 สปีด, 6 สปีดธรรมดา และ 7 สปีดอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีการพัฒนาระบบตัวรถเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหลัง All Wheel Drive โดยรุ่นที่วางจำหน่าย ชื่อ 4-Matic
สำหรับรถเบนซ์ C-Class รุ่น W204 ยังมีรุ่นย่อยออกมากมาย เช่น C200, C230, C350 และ C320 ทำให้รถเบนซ์รุ่น W204 นี้ ติดอันดับ 1 ใน 10 รถยนต์ขายดีในอังกฤษ และยังถือว่าเป็นรถหรูที่ขายดีที่สุดของ Mercedes-Benz โดยมียอดขายมากกว่า 2.4 คันทั่วโลกในขณะนั้น
รุ่น W205 ปี 2014-2020
รถเบนซ์ C-Class W205 เป็นรถรุ่นแรกที่ใช้แพลตฟอร์ม Modular Rear Architecture ใหม่ทั้งหมด และปรับปรุงโครงสร้างของรถให้มีน้ำหนักเบาขึ้น โดยใช้วัสดุอลูมิเนียมทั้งตัวรถ ส่งผลให้เบนซ์ C-Class W205 มีน้ำหนักเบาลงถึง 100 กิโลกรัม แต่มีความแข็งแรงมากกว่ารุ่นเบนซ์รุ่นอื่นที่เป็นระดับพรีเมี่ยมมาก
ภาพจาก wikimedia
รถเบนซ์รุ่น W205 ใช้เครื่องยนต์ 2 ลิตร เทอโบชาร์จ มีพละกำลังสูงสุด 241 แรงม้า ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4-Matic ส่วนล้อมีความยาวประมาณ 3.7 นิ้ว และกว้าง 1.7 นิ้ว ซึ่งยาวกว่ารถเบนซ์ C-Class รุ่น W204
รถเบนซ์รุ่นที่โดดเด่นที่สุดรุ่นหนึ่งของ W205 ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือ Mercedes-Benz C300e AMG ซึ่งเป็นรถรุ่นล่าสุดในปัจจุบัน ที่มี Plugin Hybrid ลูกครึ่งรถไฟฟ้าและรถน้ำมัน เครื่องยนต์สุดแรง 320 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร ซึ่งมีความโดดเด่น คือ เรื่องความแรง แต่ยังคงมีภาพลักษณ์สุดหรูหราระดับ High Class สามารถเร่งเครื่องทะลุ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ ในเวลาไม่ถึง 6 วินาที
และยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบ ABS ป้องกันการเบรกจนล้อล็อค, ระบบ Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ หรือระบบ ESP ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ เป็นต้น
Mercedes-Benz C300e AMG Dynamic (2021)
รุ่น W206 ปี 2021
รถเบนซ์ C-Class W206 รุ่นใหม่ล่าสุด เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2021 ที่ผ่านมาในยุโรป สำหรับใครที่เป็นสาวกเบนซ์ C-Class แล้วอยากขับรถหรูรุ่น W206 นี้ เพื่อพาคนพิเศษไปดินเนอร์ หรือขับไปเจรจาธุรกิจครั้งสำคัญ คงต้องอดใจรอกันสักนิด เพราะรถเบนซ์ C-Class W206 คาดว่าจะเปิดตัวในประเทศไทยในช่วงต้นปี 2022 ที่กำลังจะถึงนี้
ภาพจาก thairath
โดยรถเบนซ์รุ่น W206 เป็นรถซีดานรุ่นแรกของ Mercedes-Benz ที่มีไลน์อัพรถยนต์ระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ โดยใช้เทคโนโลยีไฮบริด Mild Hybrid 48V ที่โดดเด่นในเรื่องความประหยัดด้วยอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล 4 สูบ เทอร์โบชาร์จ 170 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร ระบบเกียร์ 9G-Tronic
อีกทั้งมีตัวถังมีให้เลือกถึง 3 แบบ คือ 2 ประตู, 4 ประตู และ 5 ประตู และโฉมนี้ยังระบบเกียร์มีให้เลือก คือ 7 สปีด และ 9 สปีดอัตโนมัติ เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าอีกด้วย
เปิดประสบการณ์สุดพรีเมี่ยม ด้วยบริการเช่ารถ Benz C-Class จาก Prime Cars Rental
หากคุณอยากสัมผัสประสบการณ์ขับรถหรู กับรถยุโรปรุ่นท็อปตระกูล Benz C-Class อย่าง Mercedes-Benz C300e AMG Dynamic (2021) หรือรถเบนซ์รุ่นอื่น ๆ โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อ เพื่อครอบครองเป็นเจ้าของ
เราขอแนะนำให้คุณเช่ารถเบนซ์กับ Prime Cars Rental การันตีด้วยสุดยอดบริการเช่ารถหรูสุดพรีเมี่ยม เพราะเรามีรถหรู ไมล์น้อย รุ่นท็อป ให้เลือกมากกว่า 50 คัน สามารถจองและเช่ารถหรูผ่านช่องทางออนไลน์ได้ง่าย ใช้เอกสารน้อย สะดวกสบาย รวดเร็ว ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ให้คำปรึกษา เลือกรุ่นรถที่เหมาะสมกับคุณหรือโอกาสครั้งสำคัญ พร้อมบริการส่งมอบรถให้คุณอย่างปลอดภัย
คุณพร้อมที่จะสัมผัสประสบการณ์ขับรถเบนซ์ C-Class หรูรุ่นท็อปแล้วหรือยัง?
ติดต่อเราได้เลยตอนนี้ที่ 081-954-2451 หรือ Line ID: @primecarsrental