ย้อนกลับไปในปี 1998 นับว่าเป็นครั้งแรกที่โลกได้พบกับ Audi TT รถสปอร์ตสุดหรูที่กวาดคำชมอย่างล้นหลามจากทุกสำนักไปทั่วโลกและได้รับขนานนามว่าเป็น รถสปอร์ตที่ปฏิวัติทุกด้านแห่งเทคโนโลยียานยนต์ ไม่ว่าจะเป็นด้านการออกแบบสองประตูที่สวยงามลงตัว และด้านความเร็วที่ไม่เป็นสองรองใคร จนกลายมาเป็นหนึ่งในรถสปอร์ตระดับตำนานที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี
และถึงแม้ว่า TT ได้ถูกยกเลิกผลิตลงแล้วในปัจจุบัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอนาคตมูลค่าของ TT จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจนคนรักยานยนต์ทั่วโลกต้องหาทางจับจองเป็นเจ้าของให้ได้ ดังนั้นในบทความนี้เราจะพาทุกคนย้อนรอยไปรู้จักกับประวัติศาสตร์ของ TT กันมากขึ้นว่าที่ผ่านมารถสปอร์ตสุดหรูนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวอะไรมาบ้างกว่าจะกลายมาเป็นตำนานที่ถูกยอมรับไปทั่วโลก
ประวัติความเป็นมาของโลโก้ 4 ห่วงที่อยู่บนรถยนต์ Audi ทุกคัน
ก่อนจะเข้าถึงประวัติของรถสปอร์ตในตำนาน เรามารู้ถึงประวัติความเป็นมาของโลโก้ 4 ห่วงอันเป็นเอกลักษณ์นี้กันก่อน
ในปี 1932 Audi ถูกบังคับให้ควบรวมกิจการกับธุรกิจอื่นเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง ซึ่งก่อนหน้านั้น Audi เป็นกิจการที่ไม่ได้มีส่วนร่วมกับบริษัทใดเลย ดังนั้นเพื่อเอาตัวรอด Audi จึงเข้าร่วมกับ Horch, Wanderer และ DKW ภายใต้ชื่อบริษัทใหม่ Auto Union ซึ่งความหมายคือการร่วมมือกันระหว่างธุรกิจยานยนต์ทั้ง 4 และเปลี่ยนมาใช้เป็นโลโก้วงแหวนคล้องกันสี่ห่วงที่รู้จักไปทั่วโลก แต่เป้าหมายของ Auto Union ในขณะนั้นคือการสร้างเพียงรถแข่งเท่านั้น
ต่อมาปี 1960 Auto Union ได้ถูกเข้าซื้อกิจการโดยบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Volkswagen ซึ่งการทำธุรกิจต่อเนื่องมาจนถึงปี 1985 ก็ได้มีการปิดตัวแบรนด์อื่น ๆ ของ Auto Union ไปเกือบทุกแบรนด์ แต่ Audi ยังสามารถทำธุรกิจต่อได้ และตัดสินใจใช้โลโก้วงแหวนชื่อดังต่อไปมาจนถึงทุกวันนี้
ประวัติความเป็นมาของ Audi TT
TT มีที่มาจากรายการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ประเทศอังกฤษ Isle of Man ที่มีบริษัทผู้เข้าร่วมที่โด่งดังมากมายไม่ว่าจะเป็น NSU Motorenwerke AG, Martin Geiger หรือ Ewald Kluge ที่เป็นผู้ชนะการแข่งขันในปี 1938 โดยใช้มอเตอร์ไซค์ซูเปอร์ชาร์จ 250 ซีซีจาก DKW
ภาพจาก Motorcyclesports
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะหลังจากนั้นบริษัท NSU และ DKW ก็ได้รวมธุรกิจเข้าด้วยกัน และเปลี่ยนชื่อมาเป็น Audi ซึ่งทางบริษัทก็ได้นำเอาชื่อการแข่งขันที่พวกเขาเคยได้เข้าร่วมอย่าง Isle of Man มาใช้กับซีรีส์รถสปอร์ตสุดหรูใหม่อย่าง TT และให้คำนิยามของรถยนต์ว่าเป็น Technology & Tradition ที่จะสืบต่อไปนานเท่านาน
TT Mark 1 (ปี 1998-2006)
Audi TT รถยนต์คูเป้รุ่นแรกสุดใช้โค้ดเนมว่า 8N เปิดตัวในเดือนกันยายนปี 1998 ซึ่งออกแบบโดยใช้แม่แบบอย่างรถยนต์ Volkswagen Group A4 (PQ34) แต่ในด้านรูปลักษณ์ภายนอกก็ไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียว โดยมีการปรับปรุงกันชนแบบใหม่และเพิ่มหน้าต่างไฟเลี้ยวด้านหลังประตู
ภาพจาก Favcars
แต่รถยนต์ TT รุ่นแรก ๆ กลับได้รับคำตำหนิจากสื่อว่าเป็นซีรีส์รถยนต์ที่มีความเร็วสูงมากจนเกินไป (ราว ๆ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ซึ่งมีข้อเสียคือไม่สามารถเปลี่ยนเลนหรือหักเลี้ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนทำให้ผู้ขับขี่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เป็นจำนวนมาก ดังนั้นในช่วงต้นปี 2000 Audi จึงเรียกรถยนต์ TT 8N กลับทั้งหมดเพื่อนำไปปรับปรุงด้านการควบคุมในกรณีขับขี่ด้วยความเร็วสูงเพิ่มเติม
ภาพจาก auto-data
หลังจากนั้นรถยนต์ TT ก็ได้เพิ่มระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (Electronic Stability Programme: ESP) และระบบกันลื่นของรถ (Anti Slip Regulation: ASR), เปลี่ยนโฉมด้านหน้า Facelift รวมถึงเพิ่มสปอยเลอร์ส่วนหลังของรถจนสามารถแก้ปัญหาส่วนใหญ่ไปได้ในที่สุด
เมื่อแก้ปัญหาได้สำเร็จ TT 8N ก็ได้รับคำชมอย่างล้นหลามจากหลายสำนักจนได้รับการเสนอชื่อให้เป็น Car of the Year ปี 2000 ของอเมริกาเหนือรวมถึงได้ลงนิตยสาร Car and Driver ว่าเป็นหนึ่งใน 10 รถยนต์ที่ดีที่สุดถึง 2 ปีซ้อน (ปี 2000 และ 2001)
TT Mark 2 (ปี 2006-2014)
ในเดือนสิงหาคมปี 2004 Audi ได้ประกาศว่า TT รุ่นที่ 2 จะผลิตขึ้นโดยใช้วัสดุอลูมิเนียม ซึ่งกระบวนการผลิตจะเริ่มในปี 2007 เป็นต้นไป ซึ่งหลังจากได้ประกาศออกไปแล้ว Audi ก็ได้เผยคอนเซ็ปต์รถยนต์ Audi Shooting Brake ในมหกรรมยานยนต์ Tokyo Motor Show ปี 2005 ที่เป็นต้นแบบรถยนต์สองประตูงานออกแบบเรขาคณิตชิดมุมสุดหรูที่เป็นเอกลักษณ์ของ Audi
ภาพจาก motor1
และในปี 2006 Audi ก็ได้เปิดตัว TT รุ่นที่ 2 ที่ใช้โค้ดเนมว่า 8J อย่างเป็นทางการที่การออกแบบยืนพื้นมาจาก Volkswagen Group A5 (PQ35) ที่ส่วนบอดี้ด้านหน้ามีการผลิตขึ้นด้วยอลูมิเนียมตามที่ได้ประกาศเอาไว้ ส่วนด้านข้างใช้วัสดุเหล็กเพื่อช่วยสมดุลน้ำหนักช่วยเหลือในด้านการขับขี่
ภาพจาก wikimedia
ความพิเศษของ 8J ที่ Audi ภูมิใจนำเสนอคือเป็น รถยนต์คูเป้ Quattro 2+2 ซึ่งมีความหมายคือสามารถขับเคลื่อนด้วย 2 ล้อหน้า หรือขับเคลื่อนทั้งหมด 4 ล้อก็ได้ ซึ่งก็สมกับสโลแกน Quattro ที่แปลว่า 4 ในภาษาอิตาลี รวมถึงเป็นรถคูเป้โรดสเตอร์ 2 ที่นั่งที่มีพื้นที่ภายในกว้างขวางเมื่อเทียบกับ 8N รุ่นแรกแล้วจะมีความยาวมากกว่า 5 นิ้วและกว้างกว่า 3 นิ้ว
TT Mark 3 (ปี 2014-ปัจจุบัน)
ปี 2016 Audi ได้ประกาศว่า TT รุ่น 3 จะเป็นรุ่นสุดท้ายของซีรีส์ โดยเปิดตัวครั้งแรกในมหกรรมยานยนต์ Geneva Motor Show ปี 2014 โดยให้โค้ดเนมเอาไว้ว่า FV/8S ซึ่งมีพื้นฐานมาจากรถยนต์ Volkswagen Group MQB บริษัทแม่เช่นเดิม โดยมีรูปทรงการออกแบบภายนอกที่สวยอมตะ น้ำหนักเบาสมกับเป็นรุ่นสุดท้าย Super Rare
ภาพจาก wikimedia
TT รุ่น 3 มาพร้อมกับระบบเบรคแบบใหม่ปรับปรุงมาจากรุ่น Audi TTS และมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบคือ TFSI (ใช้น้ำมันเบนซิน) และ TDI (ใช้น้ำมันดีเซล) ที่เน้นความเร็วแรงเป็นพิเศษ โดยเครื่องยนต์ทั้ง 2 แบบสามารถใช้งาน Audi Quattro ขับเคลื่อน 4 ล้อได้ทั้งหมด
- เครื่องยนต์ TFSI 2.0 มาทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกันคือรุ่นสมรรถนะ 227 แรงม้าและสมรรถนะ 306 แรงม้า
- เครื่องยนต์ TDI 2.0 มีรุ่นเดียวคือสมรรถนะ 181 แรงม้า
การออกแบบภายในของ TT FV/8S มีการนำหลัก HVAC หรือระบบการวางระบบความร้อน เย็นและการระบายอากาศเพื่อเพิ่มศักยภาพการถ่ายเทอากาศเพื่อคุณภาพอากาศภายในที่ดีขึ้น, เพิ่มหลักการยศาสตร์ (Ergonomics) ทำให้รับกับสรีระของผู้ขับขี่, สามารถเชื่อมต่อกับ Apple CarPlay รวมถึงมีหน้าจอ Virtual Cockpit บริเวณแผงหน้าปัดคอนโซล
และ Audi ยังเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ให้กับแฟรนไชน์ภาพยนตร์ Marvel Cinematic Universe ซึ่งได้มีการนำรถ Audi มาประกอบอยู่ในภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่อง เช่น Avengers: Age of Ultron และ Audi เปิดประทุนใน Spider-Man: Homecoming ซึ่งถ้าเราพูดถึง TT รุ่นล่าสุดที่น่าสนใจก็มีดังนี้
SLine 45TFSI Quarttro
หนึ่งในรถสปอร์ตที่ดีที่สุดของซีรีส์ ลงตัวด้วยสมรรถนะ ดีไซน์ที่หรูหรา น้ำหนักเบา ระบบการควบคุมที่รวดเร็วตอบสนองยอดเยี่ยม พรั่งพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นสูงด้วยหน้าจอแสดงผล Virtual Cockpit สุดคมชัดบริเวณแผงหน้าปัดคอนโซลที่สะกดผู้รักยานยนต์ได้ทั่วโลก
ความเร็วแรงของ SLine 45TFSI มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร สมรรถนะ 230 แรงม้า เร่งความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 5.3 วินาทีด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Audi Quattro อันเป็นเอกลักษณ์
SLine 2022
นี่คือรถสปอร์ตรุ่นสุดท้ายในซีรีส์ ดังนั้น Audi SLine 2022 จึงเป็นรุ่นที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เคยผลิตขึ้นมาด้วยตัวเครื่องแบบ Hybrid ASF ใช้วัสดุอลูมิเนียมและเหล็กคุณภาพสูง รวมถึงดีไซน์รอบคันใหม่หมด ไม่ว่าจะเป็น กระจังหน้า, กันชน, ช่องดักอากาศที่ตรงกับหลักพลศาสตร์มากกว่าเดิม
ในส่วนของด้านสมรรถนะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 245 แรงม้า เกียร์แบบ Dual S Tronic แบบใหม่ 7 Speed จากเดิมที่มีเพียง 6 Speed พร้อมการ Optimize ECU ใหม่ ตอบสนองรวดเร็วยิ่งขึ้น เร่งความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 5.2 วินาที
ฟีเจอร์ภายในเพิ่มการเชื่อมต่อ Apple CarPlay, Android Auto และ Audi Smartphone Interface เข้ากับหน้าจอ Virtual Cockpit เพื่ออำนวยความสะดวกและความสุนทรีย์ให้กับการขับขี่ได้ไม่เหมือนใคร
ด้วยสเปคพรีเมียมที่อัดแน่นทั้งภายในและภายนอก ทำให้ SLine 45TFSI Quarttro เป็นหนึ่งในรถสปอร์ตสุดหรูที่ทุกคนต้องอยากลองขับสักครั้งในชีวิต!
สัมผัสประสบการณ์สุดแรร์ Audi TT รถความเร็วแรงระดับตำนานได้กับ Prime Cars Rental ที่นี่ที่เดียว!
นับจากนี้ TT จะกลายเป็นหนึ่งในรถคูเป้สุดหรูที่หาซื้อได้ยากและมีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้นถ้าคุณอยากลองสัมผัสกับประสบการณ์ขับขี่ที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ที่ Prime Cars Rental เรามีรถหรู TT รุ่นสุดท้ายปี 2022 ให้บริการกับคุณในราคาสุดคุ้มไม่มีใครให้ได้ เพียง 15,000 บาทต่อวัน เท่านั้น อย่ารอช้า จองรถหรู Audi TT ตอนนี้เลย
นอกจากนั้น Prime Cars Rental พร้อมให้บริการเช่ารถหรู Supercar ระดับพรีเมียมอีกมากมายเช่น Mercedes, Lamborghini, BMW, หรือ Porsche จองได้ด้วยสมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียวไม่ต้องใช้เอกสารเยอะ พร้อมบริการให้คำปรึกษาและติดต่อสอบถามตลอด 24 ชั่วโมง สัมผัสความพรีเมี่ยมและสุนทรียภาพการขับขี่อีกขั้นได้แล้วตอนนี้ ติดต่อได้เลยที่ 081-954-2451 หรือพูดคุยออนไลน์ที่ Line: @primecarsrental